2655 จำนวนผู้เข้าชม |
ตอบว่า...ในสมัยก่อนนั้น “บูลลี่” ยังไม่มีนะครับ มีแต่ “พิทบูล” ในสายต่างๆ แต่หลังๆ มาก็เริ่มมี “บูลลี่” เกิดขึ้นในอเมริกา จนพัฒนามาเรื่อยๆ เมื่อก่อนน่ะดุครับ ดุกับสุนัขด้วยกันมาก แต่กับคนก็ตามสิ่งแวดล้อม...แต่...ในปัจจุบัน “บูลลี่” ไม่มีความดุร้ายหลงเหลืออยู่เลยครับ!!! นั่นเป็นเพราะการผสมผสานระหว่างสายพันธุ์อื่นๆ เข้าด้วยกันกับพิทบูล ในปัจจุบันเรียกว่า “Exotic Bully” (เอ็กโซติกบูลลี่) ก็มีหลากหลายขนาดนะครับ Micro, Pocket จะได้รับความนิยมสูง ทั้งนี้ ขอให้ดูนิสัยพ่อ-แม่เป็นหลัก และประกอบกับสภาพแวดล้อมของผู้เลี้ยงด้วยครับ...ถ้า “บูลลี่” ของแท้ต้อง ไม่ดุ หน้าโหด ใจดี นิสัยน่ารัก ติงต๊อง ฉลาดแกมโกงหน่อยๆ เลี้ยงแล้วจะติดใจนะครับ^^
ขอตอบแบบนี้นะครับ...ปัจจุบันบูลลี่นั้นแพร่หลายมากในไทย มีบรีดเดอร์ (ผู้เพราะพันธุ์) จำนวนมาก ทำให้ราคานั้นผันผวนอย่างมาก นั่นอาจจะเป็นผลดีกับผู้ซื้อ แต่อาจจะเป็นผลเสียกับบรีดเดอร์ครับ แต่ส่วนใหญ่ที่ราคาหลักพันนั้นจะเป็นพวกพิทบูลผสมบูลลี่ หรือเป็นบูลลี่ในสายเก่าเสียมากกว่า บูลลี่ที่ผมกล่าวในข้อ 1 นั้นยังคงมีราคาสูงกว่า ที่พบเจอก็ประมาณ 1 หมื่น บวกลบนิดหน่อยครับ ก็คงเป็นลูกหลานสายโน้นนี้ไปเรื่อย ก็ให้พิจารณาจากตัวพ่อตัวแม่นะครับ ส่วนเรื่องใบรับรองสายพันธุ์นั้นมีมากมาย แต่ถ้ากลุ่มราคาสูงจะต้องมีใบจากอเมริกา เช่น ใบ UKC, ABR, USBR, IBR, IBKC เป็นต้น ในส่วนของผมเองทำไมแพงกว่า? คือพ่อพันธุ์ของผมนั้นนำเข้ามาจากอเมริกาโดยตรง ราคาจะสูง ถือว่าเป็นต้นสายในเมืองไทยครับ แม่พันธุ์นั้นผมก็คัดมาอย่างดี เก็บตัวสวยๆ นิสัยดีๆ ไว้พัฒนาต่อครับ
ทีนี้มาดูว่าทำไมบางคนขายถูกได้!!! ส่วนใหญ่จะเป็นสุนัขที่ผสมกันเอง ไม่เสียค่าผสม กินอยู่ตามปกติ ไม่ได้อัดอะไร คลอดเองได้ตามธรรมชาติ แม่พันธุ์เลี้ยงลูกเองได้ เราไม่ต้องช่วยเลย ไม่ต้องอัดนม พอโตขึ้นมาหน่อยก็กินอาหารเม็ดธรรมดาหรืออาหารทั่วไปได้...ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะเห็นว่า ไม่มีต้นทุนอะไรเลย ดังนั้นจะขายเท่าไหร่ก็ไม่ใช่ปัญหาครับ...ก็พิจารณากันไปตามเหตุตามผล เชื่อผมนะครับว่า “ของถูกเกินไป” ไม่ค่อยได้ดี “ของแพงเกินไป” ต้องเลือกให้ดี ผมเอาใจช่วยนะคร้าบบบ^^
คราวหน้าผมจะมาต่อเจาะลึกกันในเรื่อง อาหารการกิน, เรื่องลักษณะรูปทรง, เรื่องการดูแล แบบละเอียดครับ ขอบคุณครับ
ต้อม TNT 31/1/2562